Round2 Turn4“งั้นพวกเราก็มีปัญหาแล้วล่ะ”
คุณเนริสเอ่ยออกมาอย่างกังวล แต่ก็ไม่มีเวลาให้กังวล
พวกเราจึงตัดสินใจทิ้งกล่องนั้นแล้วหาทางลัดเลาะให้ห่างจากห้องนี่ก่อน
แล้วก็ได้ที่ซ่อนเป็นชั้นหนังสือ ห่างจากเจ้าหมานั่นค่อนข้างห่างพอสมควร โชคดีที่มันน่าจะยังไม่รู้ตัว
ยังคงส่ายหัวทั้งสามไปซ้ายทีขวาทีพร้อมทำท่าดมกลิ่นฟุดฟิด ๆ
แต่กระนั้นเลยสถานการณ์ไม่ยังดีเสียทีเดียว สักพักมันต้องหาพวกเราเจอแน่ ๆ
ตอนนี้เราต้องเตรียมเครื่องดนตรี....จะเอามาจากไหนดีล่ะ
“ฉันยังมี’ออเดอร์’....”
เจ้าหญิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แล้วจัดแจงใช้พลังทันทีกับตู้หนังสือที่อยู่ถัดไปไม่ห่างนัก
จริงด้วยสิ เจ้าหญิงช่างฉลาดเหลือล้ำ
สักครู่ ตู้หนังสือที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากองค์หญิงก็กลายเป็น...
อ้าว...
ตู้หนังสือกลับเหลวเป็นน้ำเหนียว ๆ เสียดื้อ ๆ คามือเจ้าหญิง!
และที่สำคัญ ตู้หนังสือที่กำลังกั้นพวกเราจากสายตาเจ้าหมาสามหัวก็ดันโดนลูกหลงละลายไปด้วย
“กรี๊ด!!”
เจ้าหญิงสบถอย่างเจ็บใจกับผลของคำสาปของเธอ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลาให้เจ็บใจซะแล้ว
หัวทั้งสามของเจ้าหมาหันควั่บมาทางพวกเราพร้อมไฟคุกรุ่นในปากของมัน
“Blaze of inferno!”ไฟสีดำอันร้อนแรงสำรอกจากปากพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเราทันที
ผมมีสัญชาติญาณไวกว่าทั้งสอง จึงกระโจนหลบไปซ่อนในมุมชั้นหนังสือข้าง ๆ ก่อน
ส่วนเจ้าหญิงกับคุณเนริสหลบได้พอดีเกือบจะโดนเฉี่ยว ๆ กระโจนตัวไปคนละฝั่งกับผม
“โฮก!!”มันร้องคำรามอีกทีเหมือนเจ็บใจที่เหยื่อหายไป แต่ที่แน่ ๆ สภาพตู้หนังสือที่พวกเราเคยหลบตอนนี้เป็นขี้เถ้าไปแล้ว
เห็นสภาพแล้วใจผมเต้นระทึก หลังพิงชั้นหนังสือ หายใจถี่ด้วยความหวาดกลัวที่ปะทุขึ้นมา
ถ้าโดนเข้าไปล่ะก็แย่แน่ ๆ ผมแพ้พลังไฟอย่างแรงด้วยสิ
กระนั้นเลยสิ่งที่ต้องการตอนนี้ คือการสงบสติ
สักพักผมจึงค่อย ๆ ชำเลืองมองจากหลังตู้หนังสือนิดหนึ่ง
หัวของหมาทั้งสามเหลียวซ้ายแลขวากันให้วุ่นเพื่อหาเหยื่อที่หายไป ผมยังไม่กล้าขยับเกรงว่ามันจะเห็น
ครั้นจะตามไปสมทบก็ไม่ได้ ทั้งสองอยู่คนละฟากกับผมซะแล้ว
“กรี๊ดด!!!”
เสียงเจ้าหญิงจากชั้นหนังสือฝั่งตรงข้ามกับผมร้องดังขึ้นมา...
พร้อม ๆ กับชั้นหนังสือที่ละลายหายไป...
พร้อม ๆ กับที่เจ้าหมามันเห็นเหยื่อ....
พร้อม ๆ กับที่การไล่ล่าเริ่มต้นขึ้น!....
ผมไม่อยากจะทำตัวเป็นคนเห็นแก่ตัวหรอกนะ.....แต่ผมก็ยังไม่กล้าออกจากที่หลบของผมอ้ะ!
เจ้าหญิงกับคุณเนริสถูกเจ้าหมาสามหัวไล่กวดเข้าไปในตัวห้องสมุดทันควัน
ผมมองตามโดยไม่คิดแม้แต่จะเข้าไปช่วย แต่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้เหรอ?
“แหม....ทิ้งเพื่อนร่วมชะตากรรมได้ยังไงขอรับ คุโมจิคุง”
เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลัง ผมจึงหันไปตอบพร้อมยิ้มแห้ง ๆ ให้
“แต่ผมก็ไม่อยากโดนไล่กวดเหมือนกันนี่นา ฮิฮิฮิฮิ”
เอ๋า ที่แท้ก็พอ ๆ กันแหละคร้าบ คุณแอนเน้าส์เซอร์.... ผมไม่ตอบ แค่คิดในใจ
คุณแอนเน้าส์ก็เงียบเหมือนกันเพราะเราก็ไม่อยากตกเป็นเป้าให้เจ้าหมานั่นเหลียวกลับมา
เสียงไล่ล่าจางหายไปแล้ว ผมจึงค่อย ๆ ชะเง้อมองจากหลังตู้หนังสือ
เห็นเจ้าหมาอยู่ไหว ๆ ไกล ๆ ดูท่าว่าทั้งสองจะยังไม่เสร็จมัน คงจะกำลังซ่อนตัว
ผมได้แต่ภาวนาขอให้อย่าโดนเล่นงานจนเละด้วยเถิด สาธุ...
เหลียวหลับมาใกล้ ๆ ...ตรงข้ามพอดีเป๊ะไม่ห่างนัก....ห้องนอนของเจ้าหมา
.......
แต่กล่องหายไปไหน!?
......
แปลกเกินไปแล้ว
ตอนแรก คุณเนริสเอากล่องออกมา ขนาดพอดีมือ
เข้าไปอีกที กล่องดันใบใหญ่เบ้อเริ่ม?
แต่ที่สำคัญ ทำไมไม่รู้สึกแม้แต่เอะใจตั้งแต่แรกเลยล่ะ
“หึ หึ หึ หึ”
เสียงแหบ ๆ ชวนสยองสะกิดประสาทหูของผมตงิด ๆ ตามมาด้วยอาการเหมือนจะเบลอหน่อย ๆ
ไม่ผิดแน่...
ผมเสกสะบัดแส้เท่าความคิดทันที
เพี้ยะ! เพี้ยะ!ผมหันหลังไปดูผลงาน เป็นกลุ่มควันจาง ๆ สองกลุ่มที่น่าจะสลายตัวไปเมื่อครู่
แต่พอจะเห็นเป็นอะไรคล้าย ๆ ลูกตาสีแดง กับฟันขาว ๆ อยู่ภายในกลุ่มควันสองกลุ่มที่ไม่ห่างกันนั่น...
ตาสีแดง ฟัน กลุ่มควันลอย...ดวงตากับปากลอยฟ้า!?
ไม่ผิดแน่ เสียงตะโกนที่พาให้สถานการณ์แย่ลงของอาซ้อก็ยังมีเนื้อความที่เป็นประโยชน์บ้างล่ะนะ
จากที่ซ้อบอกว่าอย่าไปยุ่งกับมัน ดันไปยุ่งซะแล้วสิ แต่ไม่น่าจะเป็นไรมั้ง
แต่ที่แน่ ๆ สิ่งเดียวที่พอจะมั่นใจได้คือพวกเราต้องโดนมนตร์ลวงอะไรสักอย่างเป็นแน่
ถึงกระนั้น รู้ไปก็ยังไม่น่าจะช่วยอะไร ผมจึงตัดสินใจออกจากที่ซ่อน
แล้วตรงเข้าไปในประตูบ้านเจ้าหมา เผื่อจะฟลุกได้กล่องจากในตัวห้อง
ค่อย ๆ ย่อง พลางเหลียวเข้าไปในตัวห้องสมุด
เงียบ...
ไม่ ๆ ๆ ๆ อย่าคิดอย่างนั้นสิคุโมจิ พวกเขาต้องไม่เป็นอะไร
สำรวจห้องนี่ดูก่อน แล้วค่อยไปสมทบก็ไม่น่าจะสาย
ผมมุ่งหน้า ไล่หลังมาด้วยคุณแอนเนาส์ที่ยังคงไม่ช่วยอะไรเหมือนเคย
และในที่สุดผมก็เข้าไปในห้องของเจ้าหมา
จากที่น่าจะเป็นกลิ่นอับเหม็นหึ่งแบบเมื่อครู่
กลับเป็นกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้อะไรสักอย่าง
“ฉันเปลี่ยนสีเล็บใหม่เป็นสีลาเวนเดอร์ด้วยแหละ~” จู่ ๆ เสียงอาซ้อก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังอีก ผมสะดุ้งเฮือกจนเกือบร้อง
ขอบคุณครับอาซ้อ! บอกดี ๆ ก็ไม่ได้ เกือบหัวใจวาย นึกว่าเจ้าของบ้านมันมาซะอีก
“กลิ่นลาเวนเดอร์นี่เองสินะขอรับ...”
คุณแอนเน้าส์พูดทวนอย่างไร้ความหมาย
ฟุ่ว...สำรวจต่อ ๆ
ห้องมืดไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มืดสนิทเสียทีเดียว เป็นห้องที่ใหญ่พอสมควร(น่าจะพอดีตัวเจ้าหมานั่นซุกอย่างอบอุ่น)
มีเสาไม้ปักอยู่ตรงมุมห้องทางซ้าย คงเอาไว้คล้องโซ่คล้องคอของมัน ไม่มีอะไรพิเศษ
อีกมุมนึงมีขวดอะไรสักอย่างตั้งอยู่ น่าจะเป็นกระปุกน้ำหอมกลิ่นลาเวนเดอร์กระมัง
จากการสำรวจจนทั่ว ไม่มีอะไรที่น่าจะเป็นกล่องเลย
แห้วรับประทานตามคาด แต่ก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
ผมจึงตัดสินใจหันหลังออกจากห้อง เท้าก็พอดีไปสะดุดอะไรเข้า เลยก้มลงไปดู ปรากฏว่าเป็น...
หนังสือ?
นอกจากจะมีน้ำหอมแล้วหมามันอ่านหนังสือเป็นด้วยเหรอ?
ผมปัดคำถามออกไป พิลึกพิลั่นเกิน...
คิดได้จึงก้มหยิบเอาหนังสือขึ้นมาไว้ในมือ แล้วเดินออกจากห้องก่อน อยู่นานกว่านี้คงไม่ดี
เดินออกจากห้องแล้ว สอดส่องห้องสมุดอีกที ยังเงียบ ๆ อยู่ ผมเลยเอาหนังสือขึ้นมาพลิกดู
‘ตำรามืดมนตร์ศาสตร์’ชื่อพิลึก แต่อ่านออก ก็ไม่เสียหายที่จะเปิดอ่าน
ไหนพลิกดูซิ...
ยอดเยี่ยม ชัดเลย....!
- อ้างอิงจาก :
Hungry(คำอ่าน : ฮังกรี้)
สุนัขสามหัวมันมีขนาดใหญ่กว่าสุนัขทั่วไป กายสีดำนิล นัยน์ตาสีเลือด
ดุดัน แข็งแรง เสียงเพลงที่กล่อมให้มันหลับได้ อีกทั้งมันยังค่อนข้างโง่
ชอบ : หมา กระดูก อะไรที่หมาทั่วไปชอบ เพลง เหล้า
ไม่ชอบ : แมว... สตรีเพศ ตัวตลก อะไรก็ตามที่มีสีส้ม
ชัดเจนมาก และได้รับการพิสูจน์มากพอแล้ว มากเกินกว่าที่จะไม่เชื่อข้อมูลพวกนี้
โชคดีจริง ๆ มีหวังขึ้นมาหน่อย ของที่มีอยู่น่าจะใช้ได้
“แฮ่!!!”เสียงคำรามของเจ้าหมานั่นเริ่มดังใกล้เข้ามาพอดีกับที่ผมปิดหนังสือ
ท่าทางจะวิ่งไล่จนวนกลับมาแล้วสินะ
เอาล่ะ...ผมจะตอบแทนให้ครับ เจ้าหญิง คุณเนริส จะไม่เสียแรงเปล่าแน่นอนที่ถูกไล่กวด
เหลือแต่ว่า แผนจะเข้าท่าไหม และจะทันบอกหรือเปล่า
โครม!ท่าทางมันจะมาถึงแล้ว...
หวังว่า เจ้าหญิงกับคุณเนริสจะยังไม่เป็นอะไรมากนะ