| [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน | |
|
|
ผู้ตั้ง | ข้อความ |
---|
King กษัตริย์แห่งนคร
จำนวนข้อความ : 174 Join date : 04/01/2010 : 24
| เรื่อง: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Sat Feb 13, 2010 3:15 pm | |
| ชื่อเควส:ตามหาแหวนคู่ในตำนานเจ้าของเควส :ปรินซ์สถานที่: ป่าต้องสาป จำนวนเทิร์นอย่างต่ำ : 4 เทิร์น จำนวนผู้เล่นที่กำหนด : 4 คน รางวัลเควส(ผู้เล่น) : กำไลทับทิมคู่ขนาน รางวัลเควส(ผู้ให้คำแนะนำการแต่ง) : สมทรง!! รางวัลเควส(ผู้เข้าชม+คอมเม้น) : อมยิ้มอื่มทั้งชาติ รายละเอียด : หนุ่มสาวคู่หนึ่งได้ขอร้องเจ้าชายให้ช่วยพวกเขาให้ได้แต่งงานกันโดยไปนำ แหวนคู่รักในตำนานที่ถูกเก็บงำไว้ในหีบภายในป่าลึกลับ แหวนคู่ในตำนานนี้เป็นแหวนเงินธรรมดาสองคู่เท่านั้น เชื่อว่าจะปรากฎขึ้นทุกๆครั้งเมื่อมีการจัดการแข่งขัน ใครที่สวมแหวนนี้ไว้จะรักกันไม่เสื่อมคลาย ผู้กล้าทั้งสี่ต้องบุกตะลุยป่าเพื่อไปเอาแหวนนั้นมาให้ได้!! ในป่ามีสัตว์อันตรายมากมาย และเจ้าชายก็สั่งห้ามทำร้ายสัตว์ป่าโดยเด็ดขาด!! ผู้กล้าทั้งสี่เอ๋ย!! ได้โปรดช่วยให้หนุ่มสาวได้แต่งงานกันด้วยเถอะ TURN 1 : CompleteTURN 2 : CompleteTURN 3 : CompleteTURN 4 : Complete แสดงความยินดีด้วย!!!!!!! Heline Hanzai Daisy Sven Gain กำไลทับทิมคู่ขนาน happaki kumochi Gain อมยิ้มอื่มทั้งชาติ
แก้ไขล่าสุดโดย King เมื่อ Sun Feb 21, 2010 8:28 pm, ทั้งหมด 10 ครั้ง | |
|
| |
Icetrainer ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 27 Join date : 14/02/2010
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Mon Feb 15, 2010 6:16 pm | |
| ผ้าคลุมสีแดงและหน้ากากเหล็กโบยบินลอยนวล โชคชะตาพัดหวนล้วนหล่าผู้ต้องสาปโคจรมาพบกัน เช้าวันนี้เป็นเช้าวันที่เท่าไรแล้ว ... เฮไลน์ไม่สนใจนับหรอก เขาเบื่อจะนับวันแล้ว เด็กหนุ่มนั่งห้อยขาอยู่บนระเบียงห้องของตัวเอง เขาปักกริชสมิงคำรามไว้ข้างๆ ตัว ทอดสายตามองพระอาทิตย์ขึ้น
เขาว่า การตื่นเช้าคือกำไรของชีวิต ... คนผู้นั้นอาจหมายถึงเวลาการทำงานที่มากกว่าคนอื่น แต่สำหรับเฮไลน์ คำนี้หมายถึงการได้อยู่ดูอาทิตย์ยามเช้าที่เป็นเหมือนแสงจากสวรรค์ สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เขากลับคืนจากร่างสมิงอันบ้าคลั่ง สิ่งเดียวเท่านั้นที่จะนำเขาคืนสู่ความสงบที่เขารัก
“เฮ้ย! ปักข้าไว้แบบนี้ไม่เป็นไรเรอะ?”กริชสมิงส่งเสียงเตือนเด็กหนุ่มที่กำลังเหม่อ
“หืม? ทำไม?”เฮไลน์เลิกคิ้วถาม
“ก็ไอ้สิงโตทะเลตัวหัวหน้าของที่นี่ไง มันไม่ว่าเอาเรอะ?”
เฮไลน์ทำท่านึกขึ้นได้
“เออ! อิป้านั่นโหดเกินรับไหวว่ะ แปปนึงนะ” พูดจบเฮไลน์ก็กระโดดลงจากระเบียงเข้าไปในห้อง เขากลับออกมาพร้อมกับผ้นเช็ดโต๊ะผืนหนึ่ง เด็กหนุ่มถอนกริชคืนเข้าฝัก แล้วเอาผ้าเช็ดโต๊ะพาดปิดรอยแตกของราวระเบียงเอาไว้
“เอาล่ะ แบบนี้คงไหว”เฮไลน์ยืนเท้าสะเอวมองผลงานการปกปิดความผิดของเขา กริชสมิงแค่นหัวเราะ
“แค่ผายลมใส่มันก็ปลิวไปหาบิดาเจ้าแล้ว”
“เออน่ะ! ยังดีกว่าเกิดไว้โจ่งแจ้ง” เฮไลน์บอกปัดพร้อมกับหันเข้าหลัง
สายตาอันว่องไวของกริชสมิงจับได้กับสิ่งแปลกประหลาดอย่างหนึ่งบนท้องฟ้า
“เฮไลน์! บนฟ้า”มันตะโกนขึ้นทันควัน
เด็กหนุ่มหันขวับ เหนือท้องฟ้าสีส้มอ่อนแกมฟ้า และเมฆาสีทะมึน ผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัดอยู่บนนั้น สีหน้าที่รื่นเริงของเด็กหนุ่มมลายไปทันที ความเคียดแค้นละลายขึ้นมาเต็มใบหน้า คิ้วทั้งสองขมวดแน่น
เท้าของเด็กหนุ่มขึ้นเหยียบบนราวระเบียง ทะยานกายลอยขึ้นไปบนอากาศ ไม่หวั่นกลัวต่อความสูงของหอพักแม้ต่อน้อย ________________-
ดวงตาสีฟ้าเบิกโพลงขึ้นในห้องพักสไตล์ยุโรป วงกลมสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นบนดวงตา เส้นรัศมีวงกลมวิ่งวนไปรอบๆ บนวงกลม ปรากฏจุดเล็กๆ กระพริบอยู่ “มันอีกแล้ว” เขาพึมพำกับตัวเอง จุดนั้นเป็นสัญญาณจากสิ่งที่เขาจำมันได้ไม่ลืม สิ่งที่ทำให้เขาต้องมาที่นี่ ร่างประหลาดในผ้าคลุมแดงนั้น
เห็นแล้วแล้วรู้สึกอารมณ์เดือดพล่าน ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มกระโจนลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าคว้าเสื้อคลุมยาวสีดำสนิท ปะตูระเบียงถูกเปิดออก แสงอาทิตย์ส่องให้เห็นร่างสูงโปร่งของชายวัยยี่สิบปลายๆ เส้นผมสีขาวเรียบแปล้ หน้าตาคมเข้ม เขาคือ เสวน ดี. แบล็คเอาท์
เรดาร์ในดวงตาของเขายังคงทำงานต่อเนื่อง เขาหยิบการ์ดใบหนึ่งขึ้นมา กรีดมันไปบนเกราะแขน เครื่องจักรลักษณะคล้ายกับอุปกรณ์ช่วยบินปรากฏขึ้นบนหลังและแข้ง ท่อเจ็ทหลังจุดระเบิดเสียงดังหนวกหู ชายหนุ่มย่อตัวลงดีดตัวทะยานออกไป
“ชิบหาย! ออกมาได้ไงวะน่ะ” เสียงตะโกนโวยวายดังขึ้นจากด้านข้างของเสวน ชายหนุ่มหันขวับ เขาถึงกับต้องร้องเสียงหลง
“เฮ้ย!”
ร่างของเฮไลน์พุ่งเข้าปะทะกับเขากลางอากาศจนเสียหลักหล่นลงไปเบื้องล่างทั้งคู่ ________________________-
มิใช่เพียงเฮไลน์เท่านั้นที่ตื่นเช้า ยังมีผู้ที่ตื่นเช้ากว่า นินจาหนุ่มฮันไซนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงของเขา
สำหรับเขา เขาไม่สนใจหรอกว่ายิ่งเขาตื่นเช้าเท่าไร จะเป็นกำไรในชีวิตเท่าไร แต่เขาไม่อาจจะละซึ่งการฝึกฝนในแบบของนินจาที่เขาปฏิบัติมาชั่วชีวิต
นินจาหลุ่มสวมชุดดำทั้งตัวราวกับต้องการจะปิดบังทั้งร่างจากสายตาคน แต่น่าแปลก เขากลับไม่ปิดบังใบหน้าอันเป็นส่วนสำคัญในการจดจำ ใบหน้าของเขาสวยราวกับเป็นผู้หญิง เรือนผมของเขาเป็นสีเหลืองทองสวมงามราวกับมีอาชีพเป็นนักแสดง แม้รูปร่างของเขาจะไม่เหมือนมือสังหารแต่ความสามารถนั้นตรงข้ามกับรูปร่างหน้าตาโดนสิ้นเชิง
ในเวลานี้ ประสาทสัมผัสของเขายังไม่เคยหยุดทำงาน แม้หัวตาปิดไปแต่หูยังเงี่ยฟัง ฟังทุกชีพจรที่เคลื่อนไหว และชีพจรของสิ่งหนึ่งก็ทำให้เขาต้องสะดุ้งลืมตาตื่น ความแค้นถูกปลุกขึ้นในใจจากเสียงของผ้าคลุมที่โบกสะบัด และเสียงร้องอันแหบห้าวนั่น
“Dis…or…der”
เพลิงแห่งความเคียดแค้นลุกโชนขั้นในใจจนไม่สามารถทนนั่งอยู่เฉยได้ เขาเคลื่อนไหว
เพียงชั่วนกกระจอกกินน้ำ อาวุธหลายชนิดถูกยึดเข้ากับตัว และนินจาหนุ่ม ก็กระโจนข้ามราวระเบียงออกไปแล้ว
________________-
การได้อาบน้ำอุ่นท่ามกลางอุณหภูมิที่เย็นเฉียบยามเช้าเป็นความสบายอย่างหนึ่งของเธอ
“ลัล ลัล ล้า”หญิงสาวฮัมเพลงนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมาจากห้องน้ำสองมือพลางใช้ผ้าขนหนูอีกผืนขยี้เช็ดเส้นผมที่เปียกโชก เธอมีผิวขาวดุจมุขชั้นเลิศ แก้มสีขมพูเปล่ง ดวงตาดูมีเสน่ห์คล้ายแมว เรือนผมสีครีมยาวสลวยถึงเอว เธอคือมนุษย์สังเคราะห์ เดย์ซี่
หญิงสาวเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ ณ มุมหนึ่งของห้อง มือของเธอเปล่งออร่าสีครามหม่นๆ ทุบลงบนหน้าจอคอมเครื่องนั้น พลันหน้าจอมคอมก็ปรากฏโปรแกรมประหลาดขึ้นมา ตัวอักษรวิ่งเหมือนน้ำที่ไหลออกมาจากถังน้ำรั่ว หากแต่มันไม่เร็วเกินไปที่สายตาของเธอจะอ่านทัน ตัวอักษรหยุดวิ่ง ใบหน้าของเธอยังมีรอยยิ้ม
“ไม่มีอะไรใหม่เท่าไรแฮะ”เธอพูดอย่างอารมณ์ดีพลางถอนตัวออกจากคอมพิวเตอร์ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เธอเปิดมันออก
“เอาล่ะวันนี้จะใส่ตัวไหนดีน้า” เสื้อผ้าผู้หญิงนับไม่ถ้วนถูกอัดอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่ดูไม่ใหญ่ได้อย่างน่าประหลาด เดย์ลี่เอานิ้วชี้ไล่ทีละตัวอย่างใจเย็น พิจารณาอย่างรอบคอบ
แต่เหมือนโชคชะตาไม่ต้องการ ให้เธอเรื่อยเปื่อยอีกต่อไป เสียงเตือนดังขึ่นจากคอมพิวเตอร์ หญิงสาวหันขวับ ตัวอักษรสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอม แม้ว่าตู้เสื้อผ้าและหน้าจอคอมพิวเตอร์จะอยู่กันคนละฝากห้อง แต่มันไม่เกินระยะสายตาของเธอ หญิงสาวถอดสีหน้าโดยพลัน
แก้มที่เคยสีชมพูระเรื่อกลายเป็นสีขาวซีด ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
บนหน้าจอนั้นเขียนว่า “Disorder”
พลันเสื้อผ้าที่เธอกำลังแตะอยู่ก็เปล่งแสงสีขาว แล้วค่อยๆยืดตัวออกเป็นเส้นสีขาวเล็กๆ เลื้อยเข้ามาพันรอบตัวหญิงสาว
ผ้าขนหนูหล่นกองกับพื้นเสื้อผ้าชุดใหม่ถูกเปลี่ยนทันทีที่เส้นแสงนั้นสิ้นพลังดับวูบลง หญิงสาวรีบถลันออกไปยังนอกระเบียง แสงสีเหลืองครีมเปล่งออกมาจากมือของเดย์ซี่ เหมือนกับที่ตู้เสื้อผ้า เส้นเสียงวาดตัวเองเป็นรูปมอเตอร์ไซค์ไม่มีล้อ เสียงสีม่วงครามเข้าประกอบกันให้เป็นรูปร่าง โดยไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันนั้นมือบิดคันเร่ง หากแต่ไม่มีซึ่งเสียงเครื่องยนต์ เดย์ซี่หน้าซีดอีกครั้ง
“ฉันคงไม่ได้ลืมเทรซเครื่องยนต์หรอกนะ...”เธอพึมพำเสียงอ่อย เหมือนไม่อยากจะคิดเท่าไร
และมันก็เป็นเช่นนั้น มอเตอร์ไซค์คันนี้ไม่มีเครื่อง มันดึงเธอร่วงหล่นลงไปกับเธอ หญิงสาวส่งเสียงกรีดร้องลั่น หอพักนี้ไม่ใช่มีความสูงเพียงเมตรสองเมตร หากแต่เป็นร้อย เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเธอตกลงไปทั้งแบบนี้ ศพเธอจะเละแค่ไหน แม้ว่าเธอจะไม่มีวันตาย แต่เธอก็ไม่อยากจะต้องอยู่ในสภาพแบบนั้นแม้เพียงวินาทีเดียว
ยิ่งคิดยิ่งร้อนรน หยิงสาวกริ้ดไปพลาง เทรซของออกมาจำนวนมาก อะไรก็ได้ ได้ทั้งนั้น ขอแค่ช่วยชีวิตเธอได้ก็พอ แต่จิตใจที่ร้อนรนย่อมพ่อให้เกิดความสับสน บวกกับผลของคำสาปทำให้เธอไม่สามารถเทรซอะไรที่ได้ดั่งใจออกมาเลย เศษขยะมากมายหลายขนาด ลอยอยู่เต็มไปหมด เสียงกรี้ดของหยิงสาวก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศเช่นกัน
คนไม่ถึงที่ตายใครจะตายได้เล่า
ร่างสีดำร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาคว้าร่างเธอออกจากมอเตอร์ไซค์ไม่มีเครื่องคันนั้น
ผู้มาช่วยคือ ฮันไซ
“เป็นอะไรรึเปล่า”นินจาหนุ่มถามเสียงนุ่มนวล
“ป...เปล่าค่ะ”เดย์ซี่ตอบอึกอัก จะให้เธอตอบเต็มเสียงได้อย่างไรในเมื่อเธออยู่ในอ้อมแขนของผู้ชาย
ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“อ...เอ่อ คุณนินจาคะ”เธอตะกุกตะกัก
“หืม?”
“โน่นค่ะ” เดย์ซี่พูดอ้อมแอ้มพลางยกมือขึ้นน้อยๆ ชี้ด้านบน
นินจาหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองฟ้า และสายตาของเขาก็ต้องเบิกโพลงด้วยความตกใจ
เดย์ซี่ไม่ได้หล่นมาแต่ตัว แต่เธอยังเทรซขยะจำนวนมากไว้ตามรายทาง และมันกำลังร่วงลงมาพร้อมกัน ฮันไซมั่นใจในความว่องไว แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า เขาอยู่บนอากาศ
_________________-
ท้องประโรงกว้างใหญ่สีทองอร่ามตา สถาปัตยกรรมแบบกรีก-โรมันคือพื้นฐานของอาคารหลังนี้ ตรงกลางอาคารเป็นทางเดินยกระดับจากพื้น ปูพรหมสีแดงดูโดดเล่น เสียงแตรดังประโคมจากเหล่า ทหารที่ยืนเรียงรายตลอดสองฝั่งของทางเดิน
ตรงกลางทางเดินเป็นชายรูปร่างสูงโปร่ง บุคลิกสง่างาม ผมสีทองเป็นประกายยาวประบ่า ผาหน้าปัดปิดหน้าซีกขวา เปิดไว้เพียงหน้าซีกซ้ายที่หล่อเหลา หากแต่ดวงตาซ้ายของเขานั้นบอดสนิท เบื้องหลังเขาเต็มไปด้วยอาราชบริพารจำนวนมากมายเดินตามหลังอย่างสงบเสงี่ยม เขาคงมีบรรดาศักดิ์ไม่น้อย เป็นเช่นนั้น บรรดาศักดิ์ของเขายากหาใครเสมอ เขาคือองค์ชายแหงนครลอยฟ้าแห่งนี้
แต่แม้ว่าเขาจะเป็นถึงองค์ชาย แต่กลับรักความสมถะ สวมเสื้อผ้าเช่นสามัญชน สีหน้าของเขาออกจะรำคาญกับข้าราชบริพารที่ตามหลังแหละเหล่าทหารที่ประโคมแตกต้อนรับอยู่นี่
เสียงเอะอะดังขึ้นหน้าท้องประตูท้องพระโรงที่เปิดกว้าง เรียกความสนใจจากองค์ชายให้มองไปทางนั้น
ชายหญิงสองคนพรุ่งพรวดเข้ามาเหมือนโดนผลัก ทันทีที่เห็นองค์ชาย ทั้งสองรีบกุลีกุจอเข้ามาหาทันที สีหน้าพวกเขาเหมือนจะร้องไห้ ฝ่ายชายเป็นชายร่างอ้วนน่าเกลียด ผมเผ้าชี้กระเซิงหน้าตาเหมือนหมูไม่มีผิด ส่วนฝ่ายหญิงนั้นกลับงามเลิศงามใครเสมอ ดวงตาของเธอกลมใส แววตาน่าสงสาร ผมของเธอตรงสวย สีดำขลับ รูปร่างของเธอบอบบ้างอ้อนแอ้น ทั้งคู่แทบจะกอดกันกลม ความสัมพันธ์ในระดับที่คู่รักหลายคู่ยังอาย
ยังไม่ได้ทันที่ทั้งสองจะได้พูดอะไร ทหารคนหึ่งก็ถลันเข้ามาคุมเข่าอยู่ข้างๆคู่รัก
“องค์ชาย ขอพระทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมฯพยายามห้ามแล้วแต่ทั้งสองคนนี้ดื้อดึง กระหม่อมจะพาออกไปเดี๋ยวนี้” พูดจับทหารคนนั้นก็ทำท่าจะฉุดชายหญิงทั้งคู่ออกไป
“ปล่อยพวกเขา” องค์ชายสั่ง
คำสั่งองค์ชายเปรียบเหมือนบัญชาสวรรค์ นายทหารรีบปล่อยโดนพลัน เขากลับสู่ท่ายืนตรงทำความเคารพ “ขอบพระทัยองค์ชาย”สองหนุ่มสาวรีบก้มกราบขอบคุณ หากแต่เสียงแตรที่ประโคมลั่นทำให้คำพูดของพวกเขายากจะได้ยิน สร้างความหงุดหงิดให้กับองค์ชายเป็นที่สุด องค์ชายชูมือขวาขึ้นสุดแขน
เสียงดนตรีเงียบลงทันที
“เอาล่ะพวกเธอ มีธุระอะไรกับฉัน”องค์ชายถามเรียบๆ
“องค์ชาย คือว่าพวกเรารักกัน”ฝ่ายชายพยายามพูด เสียงของเขาเหมือนมีหมอนมาอุดปากไว้ดูอู้อี้พิกล
“แต่พวกเราไม่ได้แต่งงานกันเพราะพ่อแม่ขัดขวาง”หญิงสาวพูดต่อ เสียงของเธอไพเราะแท้ๆ
“ก็น่าอยู่”องค์ชายหัวเราะแค่นๆ แสร้งทำเป็นพูดเบาๆ
“องค์ชาย พวกเรากลัวว่าพวกเราอาจจะไม่สมหวัง จึงอยากได้แหวนแห่งตำนานวงนั้น”ฝ่ายชายพูดต่อ
“นายจะให้ฉันไปเอามาให้นาย”องค์ชายดักทาง
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เพคะ”
“ได้โปรดเถอะองค์ชาย พวกเราสู้รบไม่เป็น แค่เข้าไปในป่านั้นก้าวเดียวก็คงตายแล้ว ได้โปรดชั่วพวกเราด้วย”ฝ่ายชายพยายามขอร้องต่อ ดวงตาที่เล็กหนีของเขามีน้ำตาไหลซึม หยดน้ำตากลิ้งลงมาตามแก้มที่บวมพองเพราะไขมัน
“แต่ฉันคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ได้ซะแล้วสิ”องค์ชายทำหน้าหนักใจ
“ทำไมล่ะองค์ชาย”สองชายหญิงร้องเสียงหลง ขวัญหายกระเจิง
“ก็ช่วงนี้กำลังจะมีการแข่งขัน กำลังทหารต้องคอยดูแลเมืองไม่ให้เกิดความวุ่นวายคงจะแบ่งไปไม่ได้”องค์ชายส่ายหน้า ใช่ว่าเขาใจดำ แต่ส่วนรวมต้องมาก่อน
สองหนุ่มสาวได้รับคำตอบที่สะเทือนใจก็พากันกอดคอร้องไห้กันกลม ซุกหน้าซอกไซร้กันไปมา ปล่อยเสียงร้องโฮโดยไม่เกรงใจองค์ชายเลยแม้แต่น้อย
“สวรรค์ล่ะ จะทอดทิ้งเรารึเปล่า”ฝ่ายหญิงแหงนหน้าขึ้นมองหลังคา เธอรำพันต่อไปในขณะที่ฝ่ายชายก็กอดเธอแน่น
“ได้โปรดเถอะสวรรค์ ส่งคนมาช่วยพวกเราที”
เปรี้ยง!” เสียงดังสนั่นดังขึ้นเหมือนฟ้าผ่า เหล่าทหารที่เคยยืนตรงพากันเสียท่าหันซ้ายมองขวากันถ้วนหน้า บนหลังคาท้องพระโรงนั้น ปรากฏรอยร้าวขนาดใหญ่เหมือนอุกกาบาตตกใส่ เศษหลังคาชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงกราว
เปรี้ยง!
เสียงแบบเติมดังขึ้นอีกครั้งและดังสนั่นกว่าครั้งก่อน เพราะไม่ใช่มีเพียงวัตถุกระแทกหลังคาเท่านั้น แต่ผสมไปด้วยเสียงการพลังถล่มของหลังอีกด้วย อิฐหนาหลายก้อนพังถล่มร่วงกราวลงมาจนพลังคาท้องพระโรงกลายเป็นรูโบ๋ ทุกชีวิตในท้องพระดรงมองไปทางด้านนั้นเป็นตาเดียว
ท่ามกลางซากหลังคาจำนวนมากที่กองทับซ้อนกันเหมือนภูเขาย่อมๆ ร่างของร่างนอนมึนกองทับกันอยู่บนนั้น... เฮไลน์และสเวน
ในขณะที่สองหนุ่มสาวชาวทหารกำลังตะลึง องค์ชายกลับมีความคิดดีๆ
“เอาล่ะพวกเธอทั้งสอง” องค์ชายประกาศ หนุ่มสาวหันขวับ ในใจทั้งสองหวังทันทีว่าองค์ชายคงจะให้ความหวังได้
“ฉันจะส่งคนไปเอาแหวนมาให้พวกเธอ”
“จริงเหรอเพคะ องค์ชาย”หญิงสาวโพล่งขึ้นมา สีหน้าของเธอ อิ่มเอิบด้วยความหวังยิ่งรอยยิ้มนั้นยิ่งดูน่ารัก ต่างกับแฟนหนุ่มของเธอที่ไม่ว่าอารมณ์ไหน... ก็ไม่น่าดู
“แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ป่านั้นอันตรายมาก คนตอนนี้ยังน้อยไปต้องรอคนเพิ่มอีกหน่อย”
คำตอบขององค์ชาย ทำให้สองหนุ่มสาวสลดลงอีกครั้ง
โครม!
องค์ชายหันกลับหลัง กองซากปรักหักพังสูงอีกขึ้นเป็นเท่าตัวด้วยกองขยะที่ไร้ด่าจำนวนมหาศาล ฮันไซและเดย์ซี่ถูกทับอยู่ใต้กองขยะพวกนั้น มีแต่มือเท่านั้นที่โผล่ยื่นออกมา ด้วยอาการสั่นระรัว
“โอ้ คนครบแล้ว”องค์ชายร้องอย่างดีใจ เหมือนซากปรักหักพังตรงหน้าเป็นกองของขวัญเสียอย่างนั้น
องค์ชายบัญชา สี่ผู้กล้าลุยป่าใหญ่! _________________-
เสียงคำรามที่ทรงพลังดังแว่วมากับสายลมเย็นสยองที่พัดผ่าน บรรยากาศของป่าทึบทะมึนน่ากลัว ตะไคร่น้ำเกาะทั่วทุกทิศจนเขียวพึ่บไปหมด ต้นไม้แต่ละต้นสูงเทียมฟ้า ตามพสุธาแค่ต้นหญ้าก็เหนือหัวแล้ว ที่นี่ให้บรรยกาศได้อย่างเดียวคือ “อันตราย”
บุคคลสี่คนก้าวเข้ามาในป่าแห่งนี้ พวกเราดูเหมือนปลวกตัวเล็กๆกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทั้งสี่ต่างก็ตะลึงไปกับสภาพอันตระการตาและน่าหวั่นสะพรึงของป่า
“นี่เราต้องมาหาแหวนบ้าๆนั่นที่แบบนี้จริงเหรอเนี่ย”เฮไลน์บ่น
“ทำไงได้ล่ะ หลวมตัวมาแล้วนี่”เดย์ซี่ตอบเซ็งๆ
เสวนไม่พูดอะไร เขาเพียงมองไปรอบๆ ฮันไซแยกไกลออกไปจากกลุ่ม ไกลเสียจนน่ากลัวว่าเขาจะจากไป “คุณนินจา ไปไหนคะ”เดย์ซี่ร้องถาม
“นินจาเราปฏิบัติงานเป็นทีม...แต่พวกนายไม่ใช่ทีมของฉัน”ฮันไซตอนอย่างเย็นชา สิ้นเสียง เขาก็เลือนหายไปในหมู่แมกไม้
“เฮ้อ ทีมงั้นเหรอ”เฮไลน์ถอนหายใจ
“นี่ๆ นายคงไม่ถอนตัวอีกคนนะ”เดย์ซี่รีบทัก
“ถอนตัว”เฮไลน์ทวนคำ “เสียใจครับคนสวยแต่คงต้องเป็นอย่างนั้น ไว้ร่วมทางกันใหม่นะครับ”เฮไลน์พูดพลางค้อมหัวลงจับมือของเดย์ซี่ขึ้นมาจุมพิตแล้วหันหลังจากไป
“คอยดู กลับไปข้าจะไปฟ้องแม่พะยูนขึ้นบก”เสียงแซวดังขึ้นมาจากมีดกริชสมิง
“หุบปากน่ะ”เฮไลน์ดุพร้อมกับหายตัวเข้าในพงหญ้าทางตรงข้ามที่ฮันไซไป เสียงโต้ตอบของเขาและกริชสมิงในทีแรกยังดังอยู่ แต่ก็ค่อยๆจางหายไปจนเหลือแต่เสียงลมพัดใบหญ้าดังหวิว
สองหนุ่มจากไปแล้ว เหลือเพียง หนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาว
เดย์ซี่ หันจ้องสเวนอย่างกับจะกินเลือดเนื้อ
“นายคงไม่ไปอีกคนใช่มั้ย สเวน”
“เฮ้อ ไม่คิดจะทักทายกันด้วยคำอื่นรึไงเดย์ซี่”สเวนส่ายหัว พลางยิ้ม เดย์ซี่หัวเราะคิกคักตอบ ทั้งคู่ไม่เพียงรู้จักชื่อของกันและกันโดยไม่ต้องถาม แต่ยังมีความสัมพันธ์อันดีมาเป็นเวลานานแล้วด้วย แน่นอนยามวิกฤติทั้งคู่ย่อมไม่ทิ้งกัน
ผู้กล้าบุกถิ่นสัตว์ร้าย ไหนเล่าไม่พบอันตราย... ภัยร้ายย่างกราย ผู้กล้าระวังตัว! ________________________________--
แก้ไขล่าสุดโดย Icetrainer เมื่อ Wed Feb 17, 2010 12:52 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
|
| |
Terminator ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 18 Join date : 14/02/2010
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Mon Feb 15, 2010 6:17 pm | |
| -----------------------------------------------------------
ท่ามกลางป่าใหญ่สุดลูกหูลูกตา... สัตว์ร้ายกำลังคืบคลานอยู่ในหมู่แมกไม้...
ท่ามกลางป่าทึบที่เต็มไปด้วยหมู่แมกไม้เขียวขจีเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มและหญิงสาว ยืนอยู่เพียงลำพังภายใต้ร่มไม้สูงที่ให้ร่มเงาจำนวนมากแก่ผืนป่านี้...
“แล้วจะหายังไงดีล่ะ ป่านี้ใหญ่อย่างกะอะไรดี แต่ให้มาหาแหวนอันเล็กนิดเดียวเนี่ยนะ”หญิงสาวสบถอย่างไม่พอใจ ในเวลานั้นเองที่ชายหนุ่มคิดอะไรออก…
“ในเวลาแบบนี้คงเจ้านี่คงเหมาะที่สุด”ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ พลางหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมา เขากรีดมันลงไปตามเกราะแขน ทันทีที่การ์ดใบมือสลายหายไปในอากาศ ฝ่ามือของเขาก็ฉีกขาดออกจากกัน!
จะงอยปาก ทะลุออกมาจากรูของฝ่ามือที่ฉีกขาด ขนนกร่วงหล่นและหลุดปลิวว่อนออกมาเล็กน้อย... ปีกสีน้ำตาลเข้มแกมขาว สยายออกกว้าง ร่างที่เบียดออกมาจากรอยฉีกของฝ่ามือเมื่อครู่ ทะยานขึ้นสูง รูที่กลางฝ่ามือ ค่อยๆสมานเข้าหากัน ราวกับมันคือการเปิดประตูมิติเสียมากกว่ารอยแผล...
“ถ้าใช้ Erieye ก็จะมีความสามารถแบบ AEW&C”สเวนพูดขึ้น เขายืนนิ่ง สายตาปรากฏคลื่นเรด้าห์กวาดไปทั่วบริเวณอีกครั้ง คราวนี้ มันคือพลังของ Erieye
“Airborne Early Warning And Control สินะ”เดซี่หันกลับมาตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ใช่แล้ว เป็นการเตือนภัยทางอากาศล่วงหน้า ค้นหาเป้าหมาย และควบคุมทางอากาศ... แต่ปัญหาคือ ถ้าอยู่ในรูปแบบนี้ ฉันจะเหมือนคนตาบอด ที่มองรอบตัวไม่เห็น....”สเวนพูดจบก็ยังคงไม่ขยับตัว ด้วยสายตาทั้ง 2 ข้างที่กลายเป็นเรด้าห์ เขาไม่สามารถมองเห็นรอบตัวได้อีกต่อไป เพียงแค่ก้าวเท้าก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเหยียบอะไรบ้าง....
“คงต้องรออย่างเดียวงั้นเหรอ?”เดซี่เอ่ยถาม... แต่ในขณะนั้นเอง อะไรบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา...
“แซ่กๆ กร๊อบ”
เสียดังขึ้นมาจากพุ่มไม้หนา ห่างจากทั้งคู่ เดซี่สะดุ้งโพลง สเวนที่ยังคงมองไม่เห็นเอง เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เริ่มตั้งท่าเตรียมสู้..
“ตะ.. ตัวอะไรน่ะ.....”เดซี่พูดอย่างกลัวๆ... สัตว์ร้ายที่คืบคลานอยู่ในหมู่แมกไม้ แฝงตัวอย่างกลมกลืนจนพวกเขาไม่สามารถมองเห็น..
“ยังขึ้นไม่ถึงระยะ 25,000 ฟุต ยังตรวจจับไม่ได้! บ้าเอ๊ย มองอะไรไม่เห็นเลย!”สเวนสบถอย่างอารมณ์เสีย พญาอินทรี บินขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ถึงความสูงที่กำหนด เรด้าห์ความไวสูงของเขา ยังไม่ทำงาน!!
เจ้าสัตว์ร้ายคืบคลาน.. เสียงเหยียบกิ่งไม้ดังสนั่นขึ้น... รูปร่างใหญ่โตหักโค่นต้นไม้สูงที่ขวางทางลง.... ราวกับไม่มีสิง่ใดจะขวางทางมันได้...
“นั่นมันตัวอะไรน่ะ...”สเวนที่ใช้หูฟังยังคงมองไม่เห็น แต่ตัวเขาเองก็เริ่มหวั่นๆแล้วเช่นกัน..
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตัวมันใหญ่มาก...คงต้องสู้แล้วล่ะ”เดซี่รวบรวมสติ ใบของเธอเริ่มปรากฏแสงสีฟ้าเรืองๆขึ้น แสดงให้เห็นว่าเธอพร้อมจะสู้แล้ว..
“ไม่ได้นะเดซี่! องค์ชายมีกฎห้ามทำร้ายสัตว์ในป่านี้นะ!”
“แต่สัตว์ร้ายในป่านี้ ทำร้ายเราได้ ไม่มีกฎห้ามอะไรเลย!?”
หลังจากเถียงกันได้พักหนึ่ง เจ้าสัตว์ร้ายก็ปรากฏกายอันใหญ่โตออกมา ความสูงของมันใหญ่โตราวกับแมกไม้ รูปร่างที่ดูอ้วนพองน่าเกลียดน่ากลัว หางยาวทรงพลังตวัดฟาดต้นไม้หักโค่นได้อย่างง่ายดาย กงเล็บแหลมคมที่ขาเหยียบย่ำพื้นสีเขียวจนแหลกลงไปถึงชั้นดิน กงเล็บในมือเล็กๆ หดเข้าหาลำตัว ดูช่างขัดกับหัวที่โตของมัน คางที่แผ่ออกกว้าง หมายถึงกล้ามเนื้อขากรรไกรที่แข็งแกร่ง ปากยักษ์อ้าปากร้องคำรามด้วยความหิวกระหาย ฟันแหลมคมเรียงรายราวกับคมมีดของมัจจุราช ลิ้นสีแดงเลือดตวัดผ่านอากาศอย่างกระหายที่จะลิ้มรสเลือดของเหยื่อ น้ำลายเหนียวยืดไปทั่วปาก รูจมูกเบิกกว้าง ดมกลิ่นเหยื่อตัวจ้อยตรงหน้า ดวงตาสีแดงเถือก จับจ้องอย่างโหดเหี้ยมราวกับจะไม่ปล่อยให้เหยื่อตรงหน้าหนีหายไปได้เด็ดขาด
“ดะ... ไดโนเสาร์ชัดๆ.....”เดซี่เริ่มผงะถอย ถ้าสู้ได้ เธอเองก็ไม่ค่อยกลัวสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมีกฎห้ามสู้แล้ว สิ่งเดียวที่เธอทำได้คงเป็น..
“หนีเร็วข้า!!!”เดซี่รีบคว้ามือของสเวนและออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต สเวนที่มองไม่เห็นทางพยายามวิ่งตามแรงกระชากของหญิงสาว ถึงแม้ตัวเขาจะมีความเร็วที่เหนือมนุษย์ แต่เมื่อความสามารถในการมองเห็นถูกตัดออกไป เขาก็คือคนตาบอดดีๆนี่เอง...
“กร๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!”
เสียงคำรามของเจ้าสัตว์ร้ายดังกึกก้องไปทั่วผืนป่าในพริบตา.. กงเล็บที่เท้า เริ่มก้าวออกย่ำถี่ขึ้น ส่งร่างกายอันใหญ่โตเคลื่อนที่ไล่ตามเหยื่ออย่างหิวกระหาย...
ไม่ว่าจะมีต้นไม้มากเท่าไหร่ตรงหน้า เจ้าสัตว์ร้ายก็พุ่งชนและกระแทกจนหักโค่นได้อย่างไม่ยากเย็น ผิดกับเหยื่อตัวจ้อยทั้ง 2 ที่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตผ่านแมกไม้ ต้นแล้วต้นเล่า....
“เข้าไปหลบในนั้น!”เดซี่กระชากร่างของสเวนออกจากเส้นทางวิ่งเดิม เจ้าสัตว์ร้ายที่วิ่งตามมาต้องเบรกและแหกโค้ง ด้วยขนาดที่ใหญ่โตและน้ำหนักที่มหาศาลของมัน... เดซี่ไม่รอช้า เธอรีบดึงร่างของสเวนเข้าไปในโพรงหินเล็กๆที่ข้างทางในทันทีเวลาก่อนที่...
“ตึง! กึก! กึง! ตูม!”เจ้าสัตว์ร้าย พุ่งปากอันใหญ่โตเข้ามาในโพรงหิน มันพยายามจะใช้ฟันอันแหลมคมกัดทั้งคู่ให้ขาดกระจุยไปตรงนี้ แต่ด้วยขนาดโพรงที่เล็ก ทำให้มันไม่สามารถเอาปากเข้าไปได้อีก และไม่สามารถอ้าปากได้มากนัก... แต่มันก็ยังคงไม่เลิกละความพยายาม มันพยายามชนและกระแทกโพรงหินอย่างรุนแรง มันพยายามจะพังเข้ามา!
“ตื้อชะมัดยาดเลยแฮะ!”
แต่เจ้าสัตว์ร้าย ก็ไม่อาจตื้ออยู่นาน... มันถอนปากออกจากโพรงถ้ำ เสียงตึงตังออกห่างออกไป พร้อมกับเสียงคำรามอย่างโมโหโกรธา... มันไปแล้ว...
“เฮ้อ....”
ทั้งคู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับพึ่งยกภูเขาออกจากอก การวิ่งหนีมาเมื่อกี้ ทำให้ทั้งคู่ถึงกับหมดแรง นอนหอบอยู่ตรงนั้น....
“เดี๋ยวนะ... มาแล้ว.... เจอแล้ว!”สเวนตะโกนขึ้น เขากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง Erieye ได้ผลตามที่คาด มันตรวจพบแหวนแล้ว!!
“อ๊ะ! นี่มัน...”เดซี่ร้องตกใจ ดวงตาของเธอปรากฏเรด้าห์แบบเดียวกันกับสเวนขึ้น แต่คราวนี้ มันเป็นการชี้เป้าที่อยู่ของแหวนคู่ที่พวกเขากำลังตามหา...
“ระบบ Datalink น่ะ ทันทีที่ค้นเจอ มันจะส่งข้อมูลให้คนที่ฉันต้องการส่งโดยอัตโนมัติ ตอนนี้ 2 คนนั้นคงได้รับข้อมูลแล้ว... ยังไงก็คงต้องไปเจอกันที่นั่นแน่....”สเวนลุกขึ้น เขาสอดตัวออกไปจากโพรงหินเหมือนกับจะรีบร้อน ท่าทีหมดแรงเมื่อคู่ดูหายไปในพริบตา มือเรียวถูกยื่นให้หญิงสาวด้านหลังตน...
“ต้องรีบไปงั้นสินะ”เดซี่ยิ้มพลางหัวเคาะคิกคัก พลางยื่นมือให้ เพื่อออกจากโพรงหินนี้...
ความหวังที่มาหลังพายุฝน กำลังนำผู้กล้าทั้ง 4 ให้มาพบกันอีกครั้ง...
------------------------------------------------------
แก้ไขล่าสุดโดย Terminator เมื่อ Wed Feb 17, 2010 10:49 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
|
| |
kurei ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 24 Join date : 14/02/2010
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Mon Feb 15, 2010 6:18 pm | |
| "ดูเหมือนว่าจะพบที่อยุ่ของแหวนกันแล้วสินะขอรับ” ฮันไซเอ่ยเสียงเย็น ยืนอยุ่บนกิ่งต้นไม้ขนาดใหญ่สูง25เมตร ก่อนที่สายตาจะเหลือบมองบุคคลทั้งสอง
“ใช่แล้ว เท่านี้พวกเราก็คงจะกลับเข้านครได้เสียที”เดซี่เอ่ยอย่างดีใจที่ในที่สุดเธอก็จะได้กลับไปพักผ่อนเสียที
“แต่ กระผมว่าพวกเรายังคงกลับไม่ได้หรอกขอรับ”ฮันไซกล่าวพลางกระโจนลงมา แล้วค่อยๆสาวเท้าเดินตรงมาหาสเวน
“ทำไมกัน ก็พวกเรากำลังจะพบแหวนแล้วไง”สเวนเอ่ยอย่างมีน้ำโหใส่ชายหนุ่มนินจาที่จู่ๆก็มาพูดดับความหวังและการค้นหาที่แสนยากลำบากของเขา
“ก็เพราะว่า....”ยังไม่ทันที่ฮันไซจะเอ่ยจบประโยค ก็กลับมีเสียงร้องตะโกนดังลั่นขึ้นมาไม่ห่างจากบริเวณผืนป่าที่พวกเขาทั้ง3ยืนอยู่
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไอ^%$^&*(()()_(+_))+)*(*)(_++_+)))*%E$#$#%&**(”
เฮไลน์หนุ่มน้อยที่กระโจนวิ่งหน้าตาตื่นอย่างชุลมุนอุตลุดหนีเจ้าสัตว์ประหลาดที่มีหัวถึงสามหัวและร่างอันใหญ่ยักษ์ คงจะเป็นตัวอะไรไม่ได้นอกจาก “เซอร์บิรัส”สุนัขที่จงรักภักดีในการเฝ้าประตูนรกตามตำนานของกรีก เพียงแต่แตกต่างกันที่มันไม่ได้ถูกล่ามไว้อย่างที่ควรจะเป็น
“พ่อแก้วแม่แก้วขอรับ วิ่งสุดชีวิตกันเถอะ”ฮันไซที่ไหวตัวทันช้อนร่างของเดซี่ขึ้นมาพลางอุ้มกระโจนผ่านต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่า
“เฮ้ย แล้วฉันละ!!~”สเวนร้องเสียงดังลั่นตามหลังฮันไซกับเฮไลน์ที่วิ่งนำหน้าไป
“ช่วยตัวเองงงงงงไปก่อน แต่ห้ามทำร้ายสัตว์นะเฟ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!~” เสียงของกริชสมิงและเฮไลน์ที่วิ่งไปตั้งหลักแบบไม่คิดชีวิตตะโกนตอบกลับมา ทำให้สเวนที่รู้ชะตากรรมกลับต้องมาเผชิญหน้ากับสุนัขสามหัว”เซอร์บิรัส”ที่ดูท่าจะหิวโซ น้ำลายเหนียวเหนอะหนะที่ตกลงมาหยดใส่แหมะเข้าให้ที่หัวของเขา
“หยึย แหวะ”ชายหนุ่มที่ถูกทิ้งไว้เพียงผู้เดียวราวกับชะตาต้องสาปสบตากับเซอร์บิรัสก่อนจะกำดาบคาตานะไว้แน่นแล้วรีบวิ่งจรลีตามพวกพ้องที่เหลือไปอย่างรวดเร็ว ในมือก็ได้แต่ฟาดฟันสิ่งกีดขวางทางไปตลอดแนว
“แห่ ห๊อกกกกก แห่!!!!” ซอร์บิรัสคำรามอย่างกึกก้องและลงมือดมกลิ่นเพื่อตามหา4บุคคลที่บังอาจจะมาขโมยสิ่งที่มันเฝ้าดูแล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ +++++++++++++++++++++++
“หวังว่าคงมาไกลแล้วนะ พับฝ่าสิ บัดซบที่สุดไม่เคยคิดว่าจะต้องมาวิ่งหนีอะไรที่ชวนสยองมากกว่าอาซ้อมาลัยแล้วซะอีก” เฮไลน์บ่นพลางถอนหายใจเหนื่อยหอบ เมื่อกลุ่มของพวกเขามาหยุดลงในอีกที่ของบริเวณแห่งป่าต้องสาป
“ถึงตรงนี้แล้วคงปลอดภัยขอรับ คุณผู้หญิง” ฮันไซค่อยๆวางร่างเดซี่อย่างบรรจงที่โค่นต้นไม้ขนาดยักษ์ที่สัก20คนก็คงไม่มีวันโอบได้หมดรอบ
“แล้วตาแก่สวนเวนอะไรนั้นละ”เฮไลน์เอ่ยถามหลังจากรวบรวมแรงกายได้พักหนึ่ง
“ชื่อสเวนตั้งหาก คงกำลังตามมา” เพียงไม่นานที่เดซี่พูด ร่างหนาๆที่เลอะไปด้วยคราบน้ำลายเซอร์บิรัส ที่โซซัดโซเซมือก็กวัดแกว่งดาบไปมาอย่างอ่อนแรงก็ได้ตรงมาทางพวกเขา
“ว๊ากกก!!!พวกนาย นาย และเธอ บังอาจทิ้งฉันได้ลงคอ”สเวนที่ทั้งหัวเสียทั้งเหนื่อยล้าจากการวิ่งมาหลายกิโลก็เริ่มเอาดาบคาตานะชี้ด่าที่ละคนอย่างเหลืออด “เอาน่าใจเย็นๆ ช่วยไม่ได้นี้น่า เมื่อกี้มันชุลมุน”เดซี่ที่ออกตัวมาห้ามเพื่อนเกลออย่างใจเย็น ก่อนจะหันไปหาทางฮันไซและเฮไลน์“ว่าแต่แล้วแหวนอยู่ที่ไหนกันแน่”
“แหมๆคุณผู้หญิงเห็นเจ้าหมาสามหัวตัวบ๊ะเหิมขนาดนั้น ยังเดาไม่ออกอีกเหรอว่ามันจะอยู่ตรงไหน”เฮไลน์ที่กำลังหงุดหงิดจากการหนีตอบกลับเดซี่อย่างประชดประชัน
“อย่าบอกนะว่า ที่....”สาวเจ้าได้ฟังก็เผลอใช้มือเรียวงามจับไปที่ลำคอของตนเอง
“ใช่แล้วขอรับ ปลอกคอของมัน”ฮันไซเป็นคนปิดท้ายประโยคให้แทน
“แล้วจะเอามายังไงกันละ ถ้าห้ามทำร้ายก็เท่ากับว่าเราไม่สามารถใช้พลังหรืออาวุธได้เลยน่ะ!!~”เดซี่เริ่มมีสีหน้าฉุนเฉียวเล็กน้อยกับวิกฤตการณ์ที่กำลังเผชิญ
เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ภายในกลุ่ม เงียบเสียจนเริ่มที่จะได้ยินเสียงคำรามของเซอร์บิรัสที่ดังอยุ่ไม่ห่าง
“แล้วถ้าไม่ทำร้าย แต่ให้อาหารละขอรับ”ฮันไซพูดทำลายความเงียบขึ้น
“ห๊า!...ให้อาหาร นี้นายฝึกวิชาจนเพี้ยนไปแล้วหรือยังไง หรือว่าไม่ได้กินข้าวตอนเช้าจนสมองกลับ ก็เห็นๆอยู่ว่าไอ้หมาสถุนนั้นมันดุขนาดไหนนะโว้ย”เฮไลน์กล่าวประชดความคิดของฮันไซ พลางยักไหล่อย่างยียวน
“ถ้าอาหารนั้นมียานอนหลับละขอรับ ไม่ได้ทำร้ายแต่ให้นอนหลับ ก็ไม่ได้ผิดกฎจริงไหม” ฮันไซกล่าวเสียงนิ่งรอดูเสียงตอบรับของแต่ละคน
“อา เข้าท่านี้น่า”เดซี่เอ่ยขึ้นประกายตาเริ่มมีความหวัง
“ไม่เลวๆ”สเวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“โหย จะใช้ยานอนหลับก็บอกแต่ที่แรกสิ ทำมาเป็นสำนงสำนวนให้อาหาร อะโด่” ถึงเฮไลน์จะกล่าวแบบยียวนกวนประสาทแต่ว่าเขาก็มีความคิดที่ว่า วิธีนี้อาจจะได้ผล
“เรื่องยานอนหลับไม่ต้องห่วงขอรับ กระผมมีพกไว้อยู่พอที่จะล้มช้างได้สัก3โขลง แต่ถ้าไม่พอพืชบริเวณป่าแห่งนี้คงพอช่วยได้” ฮันไซว่าพลางยื่นถุงสีขาวขนาดฝ่ามือที่ถูกมัดปิดผนึกอย่างแน่นหนาให้แก่เดซี่ถือ ก่อนจะเริ่มปรีริมฝีปากบางเพื่อเอ่ยสิ่งที่เขากำลังต้องการต่อ
“แต่ว่า...เราต้องมีเหยื่อล่อขอรับ”
สายตาของทั้งฮันไซ เดซี่ และเฮไลน์ต่างหันมามองทางสเวนเป็นตาเดียว.....
“.......” +++++++++++++++++++++++++++++++++++ ชีวิตของชายหนุ่มสเวนจะเป็นอย่างไร หนุ่มสาวจะได้แต่งงานกันหรือไม่ ++++++++++++++++++++++++++++++++++
แก้ไขล่าสุดโดย kurei เมื่อ Thu Feb 18, 2010 8:04 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
|
| |
Theory_of_Xero ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 22 Join date : 14/02/2010
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Mon Feb 15, 2010 6:26 pm | |
| ลึกเข้าไปในป่าเขียวขจีนามว่า “ป่าต้องห้าม” ที่ปกติจะเป็นสถานที่โดยปกติแล้วไม่ค่อยจะมีเสียงอะไรออกมามากนอกจากสัตว์เล็กใหญ่ที่ดำเนินกิจกรรมอย่างเดียว
แต่ขณะนี้เสียงโครมครามที่เหมือนบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่ล้มตึงลงมากลับดังสนั่นไปทั่วป่า
ต้นเสียงนั้นมาจากสัตว์ยักษ์สามหัวคล้ายสุนัขกำลังวิ่งตามชายผมสีขาวคนหนึ่งที่หนีเอาชีวิตรอดอย่างไม่สนใจทางเบื้องหน้า และไม่ไกลจากตรงนั้นก็มีหนุ่มสาวอีกสามคนวิ่งตามเพื่อรอจังหวะจะทำอะไรบางอย่างอยู่ไม่ไกลนัก ราวกับชายที่วิ่งหนีอยู่เป็นเพียงตัวล่อยังไงยังงั้น
“นี่ คุณฮันไซ แล้วเราจะป้อนมันยังไงกันล่ะคะ” หญิงสาวผมสีครีมถามชายชุดดำที่วิ่งอยู่ใกล้ๆอย่างเนือยๆเพราะการวิ่งไกลทำให้เรี่ยวแรงของเธอหดหายลง
“ก็เอาใส่ปากมันน่ะสิขอรับ” ฮันไซตอนกลับด้วยท่าทีใจเย็นผิดกับขาของเขาที่นำตัวเขาวิ่งนำคนทั้งสาม
“เรื่องนั้นรู้แล้วล่ะค่ะ แต่นี้ไม่ใช่ชิวาว่านะคะที่จะป้อนง่ายแบบนั้น”
“มันก็ต้องมีซักทางนะขอรับ”
“ข้ามีแผนดีๆ” ทันทีที่กริชสมิงพูดทั้งสามคนก็พร้อมใจกันหันมาฟังอย่างตั้งใจโดนยังวิ่งตามไปอยู่ด้วย
“หยุดก่อน ปล่อยให้เจ้าหงอกมันวิ่งไป แล้วฟังข้า”
ทันทีที่กริชสมิงบอก ทั้งสามก็หยุดลงตั้งวงประชุมกันตรงนั้นโดยปล่อยให้สเวนวิ่งหนีสัตว์ยักษ์ตัวนั้นอย่างจ้าละหวั่น พวกเขาเข้ามาสุมหัวกันโดยกริชที่ทำจากกระดูกเล่มนั้นเป็นเป็นผู้คอยชี้แจงแผนที่จะใช้กับการเอาสิ่งของเป้าหมายมาจากเจ้าสุนัขสามหัวตัวนั้น
สเวนวิ่งไม่หยุดเพื่อให้หนีพ้นจากเคลเบรอสตัวเท่าหัวรถไฟ สายตาของเขากวาดไปทั้ง180องศาเพื่อหาสิ่งที่จะพอช่วยในการเอาตัวรอดจากเคลเบรอสตัวนั้นได้
ทางข้างหน้าสเวนพบกับช่องอุโมงค์ใต้ดินที่เกิดจากต้นไม้ขนาดมหึมา มันใหญ่พอที่คนตัวใหญ่จะเข้าไปได้สบาย แต่สำหรับอสูรสามหัวตัวนั้น คงไม่ใช่ทางเดินที่ดีของมันแน่
“ถ้าเป็นในนี้คงหยุดพักได้ซักนิดล่ะนะ” สเวนทิ้งตัวสไลด์ลงไปในอุโมงค์ใต้โพงไม้นั่นอย่างรวดเร็ว ตรงกับจังหวะที่เคลเบรอสตัวนั้นกระโดดเข้าตะครุบเขาพอดี แต่แรงสั่นสะเทือนก็ทำให้ต้นไม้ต้นหนึ่งเกือบจะล้มทับสเวน
“ต้องใช้อีรี่อายส์เพื่อติดต่อพวกนั้นก่อน” สเวนหยิบการ์ดใบเดิมที่เคยใช้ออกมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะได้ใช้มัน เขากลับรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวมันสูงขึ้น จนตอนนี้เหงื่อเขาเริ่มแตกพลั่กออกมา ประกอบกับรากไม้ที่มุงเป็นเพดานอุโมงค์อยู่กลับมีเสียง “เปรี๊ยะๆ” ดังอย่างต่อเนื้อง รากไม้เหล่านั้นจากที่เป็นสีน้ำตาลเข้มกับสีเขียวจากพืชเล็กที่งอกปกคลุม ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามันถูกเคลือบด้วยสีส้มจากเปลวเพลิงอันร้อนระอุ และแน่นอนว่ามันกำลังจะพังลงมา!!!
“เฮ้ย!?” สเวนร้องเสียงดังพร้อมกับดีดตัวออกจากใต้ต้นไม้นั้นทันทีพร้อมหันกลับมามองก็พบว่าต้นไม้นั้นลุกเป็นไฟทั้งต้นไปแล้ว สาเหตุก็เดาได้ไม่ยากเพราะเมื่อมองไปด้านหลังต้นไม้ สุนัขสามหัวขนาดยักษ์ยืนอยู่ตรงนั้นโดยหัวตรงกลางของมันพ่นไฟใส่ต้นไม้อย่างไม่หยุดก่อนที่หัวทางซ้ายของมันจะมองเห็นสเวนอีกครั้ง
มันร้องครางตามประสาสัตว์ประหลาดอย่างน่าสยดสยอง ทันทีที่สเวนพลิกตัวกลับจะวิ่งต่อ มันก็กระโจนตามมาทันที แรงจากตัวที่กระแทกลงสู่พื้นทำให้คราวนี้สเวนไม่ได้โชคดีเหมือนเมื่อครู่ ต้นไม้จำนวนมากล้มลงมาดักทาง ซ้ำร้ายยังมีสัตว์ตัวอื่นเข้ามาผสมโรง ไม่ว่าจะเป็นหมาป่าตาเดียวที่มีหางเหมือนแมงป่อง หรือจะเป็นแรดที่นอเหมือนดาบยาวสองเมตรที่มีขนเหมือนเม่นก็ตาม
“แบบนี้มีทางเดียวแล้ว!” สเวนหยิบการ์ดอีกใบออกมารูดเข้ากับเครื่องอ่านการ์ดที่แขน ทันใดนั้นบนร่างกายของเขาก็มีเกราะที่ดูแปลกตาปรากฏขึ้นมา ซึ่งดูๆแล้วมันละม้ายคล้ายกับชิ้นส่วนของเครื่องบินยังไงยังงั้น
ร่างกายของชายผมสีขาวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้หนีพ้นจากสัตว์ร้ายทั้งสามที่จ้องมองราวจะกินเลือดกินเนื้อจากพื้นเบื้องล่างแต่ก็ยังไม่วายพบกับหายนะบนฟ้าอยู่ดี....
เพราะนกประหลาดที่มีขนสีเงินมีขาสี่ขาแถมหางยาวกำลังบินเข้ามาหาเขา และมันไม่ได้บินมาตัวเปล่า พวกมันอ้าปากออกแล้วยิงคลื่นไฟฟ้าออกมาจากปากของมัน!!
ด้านล่างก็ไม่แพ้กันเพราะหัวด้านซ้ายของเคลเบรอสกลับมีแสงสีเหลืองเรืองแสงอยู่เป็นระยะ นั่นเป็นสัญญาณว่ามันกำลังจะใช้เวทย์มนตร์อีกแล้ว
แม้สเวนจะหลบการโจมตีของนกสี่ขาพวกนั้นได้ แต่สิ่งที่เขาต้องเจออีกคือสายฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างไม่ยั้งจากเวทย์มนตร์ของสุนัขสามหัวยักษ์นั่น จนเขาต้องบินให้ต่ำลงอีกเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นสายล่อฟ้าและให้นกสีเงินพวกนั้นโจมตีลำบาก
แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัวเพื่อทำอะไรอีก สเวนกลับรู้สึกเมื่อมีมือเย็นๆ ด้วยเป็นมือที่เล็กเรียวทำให้รู้ได้ว่าเป็นขนาดมือของผู้หญิงทันที มือนั้นกดที่หัวของเขาอย่างแรงและมันเหมือนมีพลังมหาศาลที่คาดคะเนลำบากอยู่ทำให้ตัวเขาตกลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างเลี่ยงไม่ได้ทันที
เขาได้ยินเสียงโครมครามดังมาจอกรอบๆ เสียงตะโกนของชายหญิงกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก และอีกเสียงที่เขาได้ยินคือเสียงเหมือนเหล็กหรือเกราะบางอย่างโดนฉีกออกจากกันพร้อมกันกับเขารู้สึกว่าหลังของตัวเองเบาลงมาก
เมื่อสเวนลืมตาขึ้นก็พบภาพหญิงสาวผมสีครีมในชุดสีครีมและดำกำลังถือชิ้นส่วนของบางสิ่งบางอย่าง เมื่อเขามองให้ชัดก็พบว่ามันคือ “ปีก” จากวิซาร์ดแพ็คของเขา
“ขอโทษทีนะลุงสเวน พอดีมันต้องใช้น่ะค่ะ” เดซี่หันมายิ้มแหยๆเพราะคิดว่าสเวนน่าจะไม่พอใจจากที่เธอไปแยกส่วนอะไรตามใจชอบแบบนั้น
แต่ก่อนที่สเวนจะได้ตอบอะไรก็มีเสียงนึงดังแทรกเข้ามาก่อน
“ระวังด้วยเฮ้ย!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นเพราะเจ้าของเสียงคือกริชที่มีหัวเสืออยู่ที่ด้าม เสียงนั้นมาจากวิญญาณเสือสมิงที่อยู่ภายใน มันคือเสียงจากกริชสมิงนั่นเอง
แท่งน้ำแข็งที่มีลักษณะเหมือนหอกพุ่งตรงมาทางเขาทั้งสอง เคราะห์ดีที่ก่อนหน้านี้เดซี่สร้างสนามพลังสำหรับเบนการเคลื่อนที่ออกมาก่อนแล้วทำให้สเวนและเดซี่ไม่ได้รับอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด
“เตรียมการเสร็จแล้วขอรับ ท่านเดซี่!” ฮันไซที่เพิ่งจะหลบการโจมตีของหมาป่าหางแมงป่องได้ กระโดดเข้ามารวมกลุ่มกับเดซี่
“ข้าเองก็เพิ่งจะเจรจากับสองตัวที่มาสมทบได้ กว่าจะจูนภาษากันได้ก็แทบแย่เลยว่ะ” กริชสมิงในมือของเฮไลน์กล่าวบ้าง
“ยังไงก็ต้องคุยกันรู้เรื่องอยู่แล้วล่ะน่า....เหลือแค่ไอ้นี่ล่ะ เอาไง?” เฮไลน์เสริม แต่ก็ด้วยท่าทีกระวนกระวายเพราะแม้หมาป่ากับแรดตัวนั้นจะกลับไปแล้ว แต่เคลเบรอสตัวนี้ยังตั้งท่าพร้อมจะกระโดดเข้าใส่พวกเขาได้ทุกเมื่อ!
“ในเมื่อคุณฮันไซเตรียมไว้แล้วงั้นก็ เริ่มได้ค่ะ” เดซี่หันไปยิ้มให้ฮันไซอย่างมีเลศนัยเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าถ้าทำพลาดล่ะก็ เธอไม่ยอมแน่
“ขอรับ!” ทันทีที่ฮันไซตอบรับเดซี่ เขาก็กระชากมืออย่างแรงทันที ซึ่งในตอนนี้ มือของฮันไซถูกพันด้วยเส้นด้ายบางอย่างเอาไว้ ไม่นานนักหลังจากที่เขาดึงเส้นด้าย ต้นไม้ในบริเวณนั้นก็ล้มตึงเข้ามาล้อมเจ้าอสุรกายขนาดยักษ์เหมือนกับการกักมันไว้ในพื้นที่เล็กๆ
และได้ผลเพราะท่าทางของมันเปลี่ยนไปในทันที เพราะมันเริ่มออกอาการตกใจ สภาพแบบนี้สิ่งที่มันกลัวคงไม่พันพื้นที่แคบๆเป็นแน่
“เฮไลน์!” เดซี่ตะโกนเรียกชื่อชายหนุ่มในชุดขนสัตว์ต่อ ทันทีที่เขาได้ยินก็เข้าไปกลางขอบเขตที่โดนต้นไม้ที่ล้มลงมาจำกัดเอาไว้ กริชสมิงเองก็ส่งเสียงคำรามซึ่งเป็นเสียงที่ใหญ่เกินกว่าจะเป็นเพียงเสียงของกริชเล่มนึงเท่านั้นทำให้เคลเบรอสตัวนั้นยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่เพราะมันไม่ได้เห็นสิ่งที่ใหญ่เหมือนกับเสียงนั้นเลย
“ทางนี้ย่ะ เจ้าหมาน้อย” เดซี่ที่ขึ้นไปอยู่บนท่อนไม้ยักษ์ท่อนหนึ่งผิวปากเรียกเคลเบรอส ทันทีที่มันเห็นหญิงสาวในชุดสีครีมมันก็กระโจนหมายจะใช้ฟันอันแหลมคมของมันบดขยี้ร่างกายเธอให้เป็นของว่างในทันที
แต่มันคิดผิดเพราะเมื่อมันเกือบจะกินเหยื่อตัวกระจ้อยเขาไปแล้ว มันกลับโดนขวางด้วยบางอย่างเข้ามายันปากมันเอาไว้.....
สิ่งนั้นคือปีกจากวิซาร์ดแพ็คของสเวนที่เดซี่เพิ่งจะดึงออกมาเมื่อครู่นี้เอง! ด้วยความที่เป็นเหล็กที่แข็งแรงมากเคลเบรอสจึงไม่สามารถจะหุบปากกลับเข้ามาได้
“หวังว่าแบบนี้คงไม่เข้าข่ายทำร้ายนะคะ....แค่ป้องกันตัว แต่ว่าปากเหม็นชะมัดเลย” เดซี่รีบถอยออกมาในทันทีประกอบกับฮันไซและเฮไลน์ที่เข้ามาพร้อมกัน ซึ่งในมือของทั้งคู่ถือเม็ดอะไรบางอย่างสีเขียวๆมาเต็มกำมือ
“ลองชิมนี่หน่อยสิขอรับ!”
“ชั้นว่านี่น่ะ อร่อยกว่าเนื้อเยอะเลยนะ เจ้าหมาบ้า!”
ทั้งสองพูดต่อกันพร้อมกับขว้างยาเข้าใส่ปากทั้งสามปากของเคลเบรอสตัวนั้นอย่างไม่รีรอในทันที แม้ตอนแรกมันจะออกอาการฉุนเฉียวจนกัดปีกเหล็กที่งัดปากมันไว้จนพัง แต่เพียงครู่เดียวมันกลับกลายสภาพไปเป็นหมาเมาที่เดินเซไปเซมาจนสุดท้ายมันก็ล้มตึงลงเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับขนานแรงของฮันไซ
เมื่อเห็นดังนั้น หนุ่มสาวทั้งสี่จึงเดินเข้าใกล้มันอย่างช้าๆเพื่อเก็บสิ่งที่ต้องนำกลับไปตามเงื่อนไขที่เจ้าชายได้ตั้งเอาไว้
“นั่นไงขอรับ แหวนคู่วงนั้น” ฮันไซชี้ไปที่ปลอกคอของสุนัขขนาดยักษ์ตัวนั้นที่ตอนนี้มีอะไรบางอย่างกำลังส่องประกายจากการต้องกับแสงอยู่
เฮไลน์รีบเดินเข้าไปเก็บมาไว้กับตัวทันทีโดยสเวนยังอึ้งกับการประสานกันต่อสู้เมื่อครู่ไม่หาย เมื่อเฮไลน์ได้มาแล้วทั้งสี่ก็นัดแนะสำหรับการออกจากป่าและออกเดินทางกลับปราสาทในที่สุด
แก้ไขล่าสุดโดย Theory_of_Xero เมื่อ Sun Feb 21, 2010 8:02 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง | |
|
| |
Wallohz ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 6 Join date : 14/02/2010 : 28 ที่อยู่ : หน้าคอมพิวเตอร์
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Sun Feb 21, 2010 2:42 pm | |
| อืมม~~ คุณสแวมจะรอดไหมละเนี้ยทีนี้ --------------------------------------------------------------- Edit --------------------------------------------------------------- อ่า~~ สเวน เป็น ชายดวงซวยจริงๆ ด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Walloh เมื่อ Sun Feb 21, 2010 9:45 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง | |
|
| |
maru ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 35 Join date : 14/02/2010 : 32 ที่อยู่ : โลกต่างมิติ
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Sun Feb 21, 2010 3:37 pm | |
| จองที่รอ~! ต๊ายแหน่ ๆ ฮาได้ที่ ____ edit+ คอมเมนท์ให้คุ้มรีพลาย ช่วงแรกท่านไอซ์ เกริ่นยาวได้ใจความ น่าติดตามเช่นเดิม ตอนแรกทำท่าจะอ่านไม่หมด แต่ก็หมด...- - ช่วงที่สองท่านเทอร์มิเนเตอร์ ชอบที่ดึงจุดเด่นของตัวละครท่านออกมาได้ดีเป็นพิเศษ ทำให้เข้าใจตัวละครได้ดีขึ้น(ส่วนตัวไม่ค่อยจะสุนทรีย์กับอะไรแนวไฮเทค ๆ เลยคิดว่าอาจจะอ่านไม่รู้เรื่อง- -) แล้วที่มีเน้น เลยชวนอ่านเพิ่ม(ทำแบบนี้อยากลองแฮะ- -) ช่วงที่สามท่านคุเรย์ เป็นช่วงวางแผนที่คมดี ปะติดปะต่อเรื่องได้เยี่ยม แต่ ที่ตกลงปลงใจเลือกสเวนนี่แอบเตี๊ยมป่ะคับ หุ หุ ช่วงที่สี่ ท่านเซโร่ ชัด ๆ คือตัดจบไปหน่อย(พอเข้าใจ- -) โดยรวมอ่านได้เพลินดีครับ ขอลงความเห็นส่วนตัวไว้เท่านี้คับ ไม่ได้สามารถแนะนำหรือวิจารณ์อะไร /me คำนับ | |
|
| |
Theory_of_Xero ผู้เริ่มต้น
จำนวนข้อความ : 22 Join date : 14/02/2010
| เรื่อง: Re: [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน Wed Feb 24, 2010 6:30 pm | |
| เข้าใจถูกแล้วว่าตัดจบ เพราะขณะนี้ คือระยะ 120 ชั่วโมงแห่งการเอาตัวรอด ; w ; | |
|
| |
| [Normal Quest]ตามหาแหวนคู่ในตำนาน | |
|