“อ้อ...แล้วให้ระวังอสูรต่าง ๆ ด้วย เนื่องจากพลังอะไรบางอย่างอาจทำให้พวกมันดุร้าย...เอาเป็นว่ามีอะไรล่ะก็ซ้อจะมาบอกนะจ้ะ จุ๊บุ ๆ ”นั่นเป็นคำพูดที่หญิงใหญ่ทิ้งท้ายเอาไปก่อนจะออกร่างไป ทิ้งให้นายโฆษกนั่งสะบัดหัวไปมาอย่างมึนงงรับชะตากรรมต่อ...“เอ่อ...เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ... ท่านซ้อแจงมาหรือขอรับ”
“นัวร์ขอถามหน่อย เรือลำนี้จะพาเราไปที่ถ้ำเองเหรอเหมียว ?” สาวน้อยผมดำหูหางแมวยกมือถามด้วยท่าทางฉงน
“ก็คงจะประมาณนั้นแหละมั้งฮะ” เด็กหนุ่มในร่างหญิงสาวว่า
“เหวอ~ สถานที่แบบนั้นน่ะเหรอ ไม่ชอบเลยแฮะ ! ” ชายใหญ่โวยวายพลางทำท่ารังเกียจเกินเหตุ
----
ถึงกระนั้นเรือดำน้ำสีแสดยังพาพวกเขาให้มาถึงที่หมายอยู่ดี ก่อนมันจะหยุดนิ่งให้ทั้งสามจึงประตูเปิดออก สำรวจถ้ำใต้บาดาลแห่งนี้โดยที่ไม่ลืมโฆษกสีส้มไปด้วย
ถ้ำมืดสลัวกลิ่นของน้ำขังที่ฉุนแตะจมูก รอบ ๆ มองเห็นเงาน้ำกระเพื่อมสะท้อนกับหินงอกหินย้อยหลากขนาด เต็มไปด้วยใยแมงมุมเกาะอยู่เต็มไปหมด
แน่นอนแขกไม่ได้รับเชิญอย่างพวกเขา ย่อมไม่ชอบใจกับบรรยากาศเช่นนี้เป็นแน่ แต่ชายสูงร่างบางทำได้แต่สะบัดผ้าคลุมตัวใหม่และบ่นไปพลางเท่านั้น
“สกปรก...โสโครก...นี้มันแย่กว่าถังขยะที่ปราสาทเสียอีก !”
“ใจร่ม ๆ เถิดขอรับ...” ตัวตลกสีส้มมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังตัว
“ฮะ ๆ ไม่มีอะไรหรอกน่าเท่เว่อร์ ดีโดยซ้ำที่ชั้นได้กลับร่างเดิมอีกด้วย” ร่างหญิงสาวถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นชายหนุ่มหมุนตัวไปรอบ ๆ ยินดีจนลืมรอบข้างไปเสีย
“น่าสนุกจังเลยเมี้ยว...~” นัวร์เดินสำรวจไปรอบ ๆ ดูท่าทางสาวเจ้าจะชื่นชอบแห่งนี้กว่าใครอื่น
“หื้อ...พวกเธอไม่คิดว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาบ้างรึ”
เด็กสองคนและหนึ่งสัมภาระ หันมองมายังแวมไพร์เจ้าสำราญที่เผยรอยยิ้มเล่ห์ออกมา ดวงตาของทั้งสามจดจ่อมายังชายหนุ่มเจนโลกผู้นั้นทันที
“มี่ ?”
“หา ?”
“ขอรับ ?”
“อะฮะ ๆ ถ้าพวกเธออยากรู้เรื่องราวให้กระจ่าง...พี่ชายสุดหล่อคนนี้ก็พร้อมที่จะแถลงไข...”
ราวกับเด็กน้อยต้องการจะรับฟังนิทานสอนใจ มองชายหนุ่มที่ขยับแว่นขึ้นพลางเดินไปมารอบถ้ำปรบมือดังแปะ ๆ ก่อนขยับฝีปากสีซีดเพื่อให้ดูน่าสนใจ...
บาโทล่า อบาดอน เทรเมียร์ ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง พลางใช้มือลูบผมสีเงาดำประกายน้ำเงิน ไล้ใบหน้าขาวซีดของตนเองอย่างระมัดระวัง
“…นายโฉมงามที่แสนเพอร์เฟกและหน้าตาหล่อเหลาปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย …”
เดินไปยัง พิกซ์ เรลเลอร์วาร์ต เจ้าสำราญสะบัดมือทั้งสองไปทางเด็กหนุ่ม ผมสีบรอนซ์ทองแววตามรกตของเขาราวเป็นชาวบริเตนโดยแท้
“…หนุ่มต้องคำสาปที่หน้าตาแสนโลโซและแร้นแค้นนำพาความสงบสุขของโลก…”
แม้เด็กสาวผู้อ่อนต่อโลก นัวร์ ฮาร์ท จะไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ยอมให้นายแวมไพร์สัมผัสเรือนผมสีนิลเงางามของเธอแต่โดยดี
“…สาวน้อยแมวเหมียวสีดำสนิทสวยใสเผยความชั่วร้ายสัจธรรมและความรัก…”
“นี่...เท่เว่อร์ ว่าชั้นแร้นแค้นอย่างงั้นเร้อะ!” พิกซ์โวยขึ้นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกด่า ก่อนนายแวมไพร์จะเดินออกมาเล่าเรื่องของเขาต่อโดยไม่สนใจ...
“...พวกเขาถูกยักษ์สีเขียวจับส่งเข้ามาพร้อมกับข้ารับใช้สีส้มของหล่อน ที่เป็นถึงตัวโกงผู้แสนน่ารักและทรงเสน่ห์...
...ซ้อมาลัย...
...แอนเนาซ์เซอร์...
ปล่อยให้นายโฉมงามแสนเพอร์เฟกและหน้าตาหล่อเหลา มาใช้ชีวิตอยู่กลางถ้ำ! ฮึก...แบบนี้จะพบชีวิตที่สดใสได้ยังไงกัน!!!”
เทรเมียร์นั้นแสดงถึงความทุกระทมอย่างที่สุด เขาถอดแว่นออกก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา บีบน้ำตาสีใสนั่งคุกเข่าลงต่อหน้าทุกคนราวหญิงสาวผู้โชคร้าย...
ซึ่งมันเป็นภาพที่เมื่อใครได้เห็นแล้ว...น่าหมั่นใส้ยิ่งนัก...
“เหมียว~” แมวน้อยทำตากลมนั่งฟังอย่างตั้งใจ
“ทำไมกระผมเป็นข้ารับใช้ล่ะขอรับ!” โฆษกรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เมื่อถูกเปรียบเป็นข้ารับใช้ของปีศาจอย่างมาลัย
"เขาน่าสมเพชจังนะฮะ อื้ม ๆ " เด็กชายว่า
“เสียมารยาท! ฟังให้จบก่อนสิ...” ผู้เล่าไอกระอ้อมกระแอ้มขึ้นสองสามทีปาดน้ำตาเทียมทิ้งก่อนจะลุกขึ้นว่าต่อ
“จนกระทั่งพลังจากความมืดดำเข้ากลืนกินถ้ำโดยที่ทั้งหมดแทบไม่รู้ตัว แต่มันก็ทำเอาพวกเขาทั้งหมด......
ทั้งหวาดกลัวและสับสน ! และแล้วมันก็เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นอสูรกายอันน่าสยดยอง ที่มีด้วยกันถึงสองตน !!”
ผู้ฟังทั้งสามเริ่มมองเห็นควันสีดำ ลอยมาจากทุกทิศทางราวเป็นภาพประกอบให้ ปรากฏเป็นรูปร่างประหลาดอยู่ลิบห่างจากบริเวณนั้นไม่ไกลนัก...
“โฉมงาม หนุ่มน้อย และแมวสีนิล เห็นจากแสงสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงตรงรอยสักประหลาด...ที่ปรากฎขึ้นอย่างปริศนาแบบนี้ !”
วาบ...วาบ...เขาชักถุงมือสีดำออก เผยรอยประหลาดหลังมือซ้ายเรียวงามขึ้นให้ทั้งสามเห็น พลอยทำให้นัวร์และพิกซ์สำรวจใช้มือสำรวจรอยสักของตนเอง จนเริ่มพูดขึ้นมาทีละคน
“เอ ที่ต้นคอของชั้นก็มีนะ...แต่ไม่รู้ว่าส่องแสงได้รึเปล่า...”
“ต้นขาของนัวร์ก็รู้สึกด้วยนะ...มี้...”
“อ้ะ ๆ นี่มันไม่เหมือนจริงไปหน่อยรึขอรับ !” นายสีส้มเริ่มจะหวั่น ๆ ขนลุกไปทั่วร่างจนแทบอยากจะเอาหน้าไปมุดถ้ำแถวนั้นเพื่อสงบอารมณ์ลง
“หึ...มันคอยๆคืบคลานเข้าหาอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดขึ้นว่า...” เทรเมียร์ที่สวมถุงมือผายนิ้วราวยาวออก พลางก้มหน้าลงเบิกแววตาสีเลือดเด่นออกมาจากเลนส์แสยะยิ้มเผยเขี้ยวขาวราวกระหายเลือดอย่างสยดสยอง หมุนตัวสะบัดผ้าคลุมอย่างพริ้วไหว รวมทั้งความมืดกำลังคืบคลานเข้ามาประดับตามของเขา
เพิ่มบรรยากาศที่น่าเกรงขามและความยิ่งใหญ่ของขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เหมาะสมกับเป็นเจ้าแห่งรัตติกาลผู้หนึ่งเลยทีเดียว
“พวกแกจงสยบต่อความมืด....ฮะฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!” เสียงใหญ่ซ้อนกับคำพูดของหนุ่มแวมไพร์ ที่เงยหน้าหัวเราะบ้าคลั่งก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ทำเอาผู้ฟังทั้งสามต้องแหงนหน้ามองต้นเสียงอันสยดสยอง
...ทั้งเหตุการณ์และเนื้อหาเรื่องเล่าของเทรเมียร์ แสนจะสอดคล้องกับความเป็นจริงทุกประการ
“หยา!!!!!!!” เมื่อตัวตลกและเด็กชายเห็นอะไรอย่างบาง จึงร้องเสียงหลงด้วยความตื่นตกใจ พลางยกนิ้วชี้ไปยังด้านหลังของเจ้าสำราญ
"มี้?" ส่วนแมวน้อยมองด้วยท่าทางสงสัย
“แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะมันก็แค่ความคิดของชั้นเท่านั้นแหละ...” ชายที่ทำท่าทางดุดันเมื่อครู่ เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้นทันทีเมื่อหันไปด้านหลัง
...สิ่งที่ปรากฏด้านหน้าของเขาเป็นโซ่ประหลาดที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน!!!...ฟุ่บ!!!เทรเมียร์หลบมันอย่างสบาย ราวกับรู้ตัวมาก่อนหน้าโดยอาศัยเขตเงาภายในถ้ำ สัมภาระสีส้มหอบเด็กชายเบี่ยงออกให้พันวิถีของโซ่ประหลาด
ส่วนนัวร์ฮาร์ทนั้นกระโจนออกมาด้วยความสามารถของตน
“นัวร์มองอะไรไม่เห็นแล้วล่ะเมี้ยว !” แมวน้อยไม่แสดงอาการตื่นตกใจกลัว แต่กลับแปลกใจเพราะเกิดคำสาปขึ้นก่อนเสียแทน
“จู่ ๆ จะมีประโยชน์ก็มีขึ้นมาเลยนะฮะ นายเปลือกส้ม”
“แอนเนาซ์เซอร์ขอรับ...กระผมเองก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์อะไรขนาดนั้นหรอกนะขอรับ ท่านพิกซ์ ! ”
“ฮึก!” หนุ่มแวมไพร์ถูกดีดตัวขึ้นเหนือจากพื้น ด้วยคำสาปต่อต้านเครื่องประดับนั่น...
...ขณะนี้ร่างของดวงตาและริมฝีปากในความมืด มันได้ปรากฎออกมาต่อหน้าพวกเขาแล้ว...“เฮือกกกกกก ขณะนี้ได้มีดวงตาและปากลอยฟ้าปรากฎขึ้นแล้ว ขอร้าบบบบ~” นายโฆษกนั่นยังคงทำหน้าที่โดยจิตหลุดไปเสียแล้ว...
“...สวัสดีเพื่อนฝูง ชั้นรอพวกแกอยู่นานแล้ว...” เทรเมียร์กัดฟันกรอดทรุดลงด้วยอาการแสบร้อนไปทั้งตัว แต่ยังแสยะยิ้มอยู่...
“อย่าเข้ามานะไอ้ปีศาจ !” เด็กหนุ่มพยายามตะโกนขับไล่มันอย่างไม่หวั่นเกรง เมื่อเห็นสิ่งตรงหน้า
...ดูเหมือนขณะนี้จะมีแค่เขาเท่านั้นที่ต่อกรกับมันได้...“มากับพวกเราซะ ผู้ต้องสาป !!!” นัยน์ตาและริมฝีปากยักษ์ตะเบ็งเสียงใหญ่ใส่พวกเขา ก่อนชาร์จลำแสงขนาดใหญ่พร้อมยิง
ขณะนี้ผู้พร้อมสู้มีแต่เพียง พิกซ์ เรลเลอร์วาร์ต เท่านั้น แล้วเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นยังไงล่ะเนี่ย ?