"......ได้เวลาแล้วสินะ..."ผู้อยู่หลังผ้าม่านสีแดงสดฉีกยิ้มกว้างดุจปิศาจเงาใต้ผ้าม่านสั่นไหวก่อนที่ตัวเขาจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหลือไว้เลยแม้แต่น้อยนิด
ทิ้งไว้แต่บรรยากาศที่ชวนอึดอัดและเสียงหัวเราะที่ดังก้องกังวาลภายในโบสถ์เก่า
+++++++++++++++++++
พลั่ก!!!....
ทหารเฝ้าประตูถูกโจมตีจากด้านหลังจนล้มตัวหมดสติไปพร้อมปรากฎร่างของชายหนุ่มผมยาวสีดำสลวยนัยน์ตาสีแดงสดส่องสว่างท่าม
กลางความมืดในราตรีกาลเขาฉีกยิ้มที่แลละ้ม้ายคล้ายเงาหลังม่านอย่างน่าสยอง
ผู้บุกรุกเดินผ่านท้องพระโรงยามค่ำคืนที่เงียบสงัด ผ่านประตูบานแล้ว บานเล่า ผ่านทหารนับสิบ สังหารเหล่าทหารอย่างเลือดเย็น
โลหิตย้อมไปทั่ววังหลวงแห่งนครสุดขอบฟ้า
ประตูบานสุดท้ายถูกเปิดออกพร้อมกับร่างขององค์ชายที่ประทับอยู่บนบัลลังค์สีทองคำจ้องมองผู้บุกรุกอย่างใจเย็น
ใครจะรู้ว่าดวงตาของเจ้าชายที่ซ่อนหลังเกศาสีน้ำตาลไหม้สั่นระริกด้วยความประหม่า...
"ตัวท่านต้องการอะไรกัน!!"เจ้าชายเอื้อนเอ่ยอย่างสงบ
"หึ....... เรามาที่นี่เพื่อยื่นข้อเสนอ ไม่สิยังไงท่านก็ต้องทำตามเราอย่างขัดไม่ได้อยู่แล้วจริงไหม?"ชายผมยาวสีดำสนิทดวงเนตรสีเลือดร่ายยาว
พร้อมตวัดดวงตาสีแดงคมไปรอบๆ องค์ชายไม่เหลือทหารใดๆคอยคุ้มกันอีกแล้ว...
ไม่ใช่การเจรจา แต่เป็น
การบังคับ"จากนี้ตัวข้า สปอร์.เอส.ดาร์คเดธ จะเป็นผู้จัดการการแข่งขันครั้งนี้.... โดยแลกกับการที่ข้าจะเป็นองครักษ์ให้เจ้า"
"องครักษ์"เจ้าชายพูดซ้ำอีกครั้งอย่างตกใจ
"ถือว่าเป็นการชดใช้เหล่าทหารพวกนี้ยังไงล่ะ"ผู้มาเยือนฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ การที่เขาได้จับตามองดูองค์ชายตลอดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก
ตัวประกันแห่งพระนครอยู่ในกำมือแล้วไหนเลยจะยอมปล่อยไป
"ท่านไม่ตอบก็คือ ตกลง..... "หนุ่มปิศาจนามสปอร์ หัวเราะลั่นก่อนจะกรีดเลือดตัวเองลงบนพื้นปรากฎตราเวทบางอย่างความมืดทั้งหลายครอบคลุม
ไปทั่วห้องขององค์ชาย เจ้าชายผู้อ่อนแอไม่สามารถขัดขืนอะไรได้แล้ว
ความมืดบดบังแม้แสงจันทร์.....
"ฮ่าๆ!!!"รุ่งขึ้นเหมือนโกหก... สภาพพระราชวังไม่ได้ต่างอะไรไปจากเดิมศพทั้งหลายของทหารถูกจัดการไปหมดสิ้นคนในวังทำเหมือน
ว่าไม่เกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นแม้แต่น้อย สปอร์.เอส.ดาร์คเดธถูกประกาศขึ้นเป็นพระราชองครักษ์ขององค์ชาย
หลังจากหลังองค์ชายไม่ว่าจะไปไหนจะมีบุรุษผมสีดำเงางามดวงตาสีเลือดดุจปิศาจคอยเดินตามดุจเป็นเงาตามตัว.....
ความมืดเข้าครอบคลุมการแข่งขันเสียแล้ว...........